ข้อมูลเกี่ยวกับภาษีของแพทย์ (หมอ)
ในประเทศไทยมีข้อกำหนดและข้อปฏิบัติหลายประการที่แพทย์ควรทราบในการจัดการเรื่องภาษี ดังนี้:
1. ประเภทของรายได้:
• รายได้ของแพทย์ถือเป็น รายได้จากการประกอบวิชาชีพอิสระ ซึ่งอยู่ภายใต้ มาตรา 40(6) ของประมวลรัษฎากร รายได้จากวิชาชีพอิสระนั้นต้องเสียภาษีเช่นเดียวกับรายได้จากการทำงานอื่น ๆ เช่น เงินเดือนหรือค่าจ้าง
• หากแพทย์มีการเปิดคลินิกส่วนตัว รายได้จากการประกอบธุรกิจนี้จะจัดอยู่ในหมวด รายได้จากการประกอบการธุรกิจ ตามมาตรา 40(7)
2. การคำนวณภาษี:
• แพทย์ต้องคำนวณภาษีรายได้โดยรวมจากการปฏิบัติงานทั้งในโรงพยาบาลและคลินิกส่วนตัว โดยอาจจะต้องจัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายเพื่อคำนวณกำไรสุทธิ และรายได้สุทธินี้จะถูกนำมาคำนวณภาษี
• แพทย์ที่มีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปีจะต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) โดยต้องเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ป่วยหรือรายได้จากการบริการที่เกินกว่าจำนวนดังกล่าว
3. ค่าใช้จ่ายที่สามารถหักลดหย่อน:
• แพทย์สามารถหักค่าใช้จ่ายได้ตาม อัตราเหมาจ่าย (60% ของรายได้) หรือจะใช้วิธี หักตามค่าใช้จ่ายจริง ก็ได้ แต่ต้องมีเอกสารหลักฐานรับรองค่าใช้จ่าย เช่น ค่าอุปกรณ์ทางการแพทย์ ค่าเช่าสถานที่ ค่าแรงพนักงาน เป็นต้น
• สามารถหักลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมได้ เช่น เบี้ยประกันชีวิต การลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือการบริจาคที่ได้รับการยกเว้น
4. การเสียภาษีแบบรายไตรมาส:
• หากแพทย์มีรายได้จากวิชาชีพที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม จะต้องยื่นภาษีแบบรายไตรมาส (ภ.ง.ด. 94) โดยประมาณรายได้และหักค่าใช้จ่ายรายไตรมาส
ตัวอย่างการยื่นภาษีสำหรับแพทย์:
• ยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครึ่งปี (ภ.ง.ด. 94) ภายในเดือนกันยายนของทุกปี
• ยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี (ภ.ง.ด. 90) ภายในเดือนมีนาคมของปีถัดไป
ทั้งนี้ แพทย์ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีหรือสำนักงานบัญชีเพื่อให้การยื่นภาษีถูกต้องตามกฎหมาย